แผนการจัดการเรียนรู้
ความหมายแผนการจัดการเรียนรู้
มี 2 ความหมายคือ
ความหมายที่ 1 คือ
การนำวิชาหรือกลุ่มประสบการร์ที่จะต้องทำแผนการจัดการเรียนรุ้ตลอดภาคเรียนมาสร้างเป็นแบบการจัดกิจกรรม
การจัดการเรียนรุ้ การใช้สื่อ อุปกรณ์การจัดการเรียนรุ้ และการวัดผล ประเมินผล
โดยจัดเนื้อหาสาระจุดประสงค์การเรียนย่อยๆ
ความหมายที่ 2 คือ แผนการสอนนั่นเอง
แต่เปนแผนที่เน้นให้นักเรียนได้พัฒนาการเรียนของตนด้วยกิจกรรมหลากหลาย
มีครุเปนผุ้แนะนำหรือจัดแนวการเรียนแก่นักเรียน ควรจัดกิจกรรมให้รุ้จักคิด
รุ้จักค้นคว้า วิเคราะห์วิจารณ์ข้อมูล และสังเคราะห์เป็นความรู้ของคนเอง
นักเรียนอ่านหนังสือ จดบันทึกและควรจะได้เรียนรุ้จากแหล่งเรียนรุ้ที่หลากหลาย
เรียนรุ้จากวิทยากรในท้องถิ่น จากสถานที่ต่างๆในขุมชน จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น
อินเตอร์เน็ต ซีดีรอม วีดีทัศน์ เป็นต้น
ความสำคัญของแผนการจัดการเรียนรุ้
สงบ ลักษณะ
(2533) ได้อธิบายถึงผลดีของการจัดทำแผนการเรียนรุ้ไว้
ดังนี้
- ทำให้เกิดการวางแผนวิธีจัดการรียนรุ้
วิธีเรียนที่มีความหมายมากยิ่งขึ้น เพราะเปนการจัดทำอยางมีหลักการที่ถุกต้อง
- ช่วยให้ครุมีสื่อการจัดการเรียนรุ้ทีทำด้วยตนเอง
ทำให้กิดความสะดวกในการจัดการเรียนรุ้ ทำให้จัดการเรียนรุ้ได้ครบถ้วนตรงตามหลักสุตรและจัดการเรียนรุ้ได้ทันเวลา
- ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ครุผุ้จัดการเรียนรุ้แทน
ในกรณีที่ผุ้จัดการเรียนไม่สามารถจัดการเรียนรุ้ได้เอง
องค์ประกอบของแผนจัดการเรียนรุ้
1. สาระสำคัญเป็นการเรียนในลักษณธเป็นความคิดรวบยอด
(Concept)
2. จุดประสงค์การเรียนรุ้
เขียนในลักษณธจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (เมื่อเรียนจบผู้เรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
และมาตราฐานการเรียนรุ้ที่กำหนด)
3. สาระการเรียนรุ้
4. กิจกรรมการเรียนรุ้
(วิธีสอน + กระบวนการจัดกิจกรรม + เทคนิคการสอน)
โดยออกแบบการจัดกิจกรรมแต่ละชั่วโมงอย่างชัดเจน
5. สื่อ
แหล่งการเรียนรุ้ (ใบความรุ้ + ใบงาน + แบบฝึกทักษะ) บอกแหล่งเรียนรุ้ที่สำคัญ
6. การวัดและประเมินผล
(หลักฐานการเรียนรุ้ + ร่องรอยการเรียนรุ้ + วิธีการวัดและประเมินผล +
เครื่องมือในการวัดและประเมินผล)
7. บันทึกผลการจัดการเรียนรุ้สำหรับผุ้สอน
หลักในการเขียนแผนการจัดการการเรียนรุ้
1. เขียนให้ชัดเจน
แจ่มแจ้งในทุกหัวข้อ เพื่อให้ความกระจ่างแก่ผู้อ่านไม่ย่นย่อและไม่ละเอียดเกินไป
2. ใช้ภาษาเขียนที่สื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน
3. เขียนทุกข้อ
ทุกหัวเรื่องให้สอดคล้องกัน
4. สาระสำคัญต้องสอดคล้องกัน
5. จุดประสงค์ต้องสอดคล้องกับเนื้อหา
กิจกรรมและการวัดผล
6. สื่อการสอนต้องสอดคล้องกับกิจกรรมและการวัดผล
7. เขียนให้เปนลำดับขั้นตอนก่อนหลังในทุกหัวข้อ
8. เขียนหัวข้อให้ถุกต้อง
เช่น จุดประสงค์ต้องเขียนให้เปนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
9. จัดเนื้อหา
กิจกรรม ให้เหมาะสมกับเวลาที่กำหนดให้
10. คิดกิจกรมที่น่าสนใจอยุ่เสมอ
11. เขียนให้เปนระเบียบ
ง่ายแก่การอ่าน
12. เขียนในสิ่งที่สามารถปฏิบัติได้จริงและสอนตามที่ได้วางแผนไว้
13. หาประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรุ้
พฤติกรรมด้านสมองเป็นพฤติกรรมเกี่ยวกับสติปัญญา
ความคิด ความสามารถในการคิดเรื่องราวต่างๆ
อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งพฤติกรรมทางพุทธิพิสัย
6 ระดับ ได้แก่
1. ความรู้ (Knowledge)
เป็นความสามารถในการจดจำแนกประสบการณ์ต่างๆและระลึกเรื่องราวนั้นๆออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ
2. ความเข้าใจ (Comprehension)
เป็นความสามารถบ่งบอกใจความสำคัญของเรื่องราวโดยการแปลความหลัก
ตีความได้ สรุปใจความสำคัญได้
3.
การนำความรู้ไปประยุกต์ (Application)
เป็นความสามารถในการนำหลักการ
กฎเกณฑ์และวิธีดำเนินการต่างๆของเรื่องที่ได้รู้มา
นำไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่ได้
4. การวิเคราะห์ (Analysis)
เป็นความสามารถในการแยกแยะเรื่องราวที่สมบูรณ์ให้กระจายออกเป็นส่วนย่อยๆได้อย่างชัดเจน
5.
การสังเคราะห์ (Synthesis)
เป็นความสามารถในการผสมผสานส่วนย่อยเข้าเป็นเรื่องราวเดียวกัน
โดยปรับปรุงของเก่าให้ดีขึ้นและมีคุณภาพสูงขึ้น
6. การประเมินค่า (Evaluation) เป็นความสามารถในการวินิจฉัยหรือตัดสินกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป
การประเมินเกี่ยวข้องกับการใช้เกณฑ์คือ มาตรฐานในการวัดที่กำหนดไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น